การทำศัลยกรรมหน้าอก วิธีผ่าตัด


การผ่าตัด เสริมหน้าอก (Breast augmentation surgery)

สำหรับสาวๆ ที่สนใจการ เสริมหน้าอก การแก้ไขเสริมหน้าอก การป้องกันปัญหาจากการเสริมหน้าอก สามารถหาข้อมูลก่อนการทำศัลยกรรมได้ การเสริมหน้าอก เป็นการผ่าตัดที่มีความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แค่ไทยแลนด์ 4.0 ของเรานี้ ยังพบว่ามีการผ่าตัดเสริมหน้าอกปีละกว่า 20,000 ราย ทั่วประเทศไทย ที่ได้รับความนิยมเพราะช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพและความมั่นใจ เพิ่มสัดส่วนให้ดูสวยงาม ยิ่งในโลกแห่งการแข่งขันสูง นอกจากความสามารถต่างๆ แล้ว เรื่องรูปร่าง หน้าตา ความมั่นใจนั้นก็มีความสำคัญเช่นกัน อีกทั้งเรื่องชีวิตคู่ ครอบครัวด้วย

การเสริมหน้าอกนั้นมีความต้องการมาโดยตลอดกว่าร้อยปีก่อน เริ่มด้วยการฉีดสารพาราฟินเข้าไปในเนื้อนมเลย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1890 แต่พบว่าปัญหาอักเสบรุนแรง และไม่เป็นรูปทรง มีการไหล คล้อยของสารที่ฉีด จับเป็นก้อน แตกเป็นแผล สารพัดปัญหา จึงเลิกไป และหันมาพยายามเอาวัสดุใส่ในถุง เรียกว่า ถุงเต้านมเทียม (Breast implant) การเสริมหน้าอกด้วยถุงเต้านมเทียมนั้นมีประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 50 ปี และมีวิวัฒนาการที่น่าสนใจ ที่อเมริกาเมื่อครั้งอดีต ดาราฮอลลีวูดที่โด่งดังทั่วโลก เช่น Marilyn Monroe และ Jane Russell มีผลให้ผู้คนยิ่งสนใจอยากจะมีรูปร่างหน้าอกที่สวยเซ็กซี่แบบดาราเหล่านี้   ยิ่งทำให้อุสาหกรรมการผลิตถุงเต้านมเทียมทางการแพทย์เกิดการพัฒนา โดยเริ่มจากการค้นพบเล็กๆ ของแพทย์ที่ขณะนั้นยังเรียนไม่จบท่านหนึ่งที่คิดว่าถุงใส่เลือดของธนาคารเลือด นั้นมีความนิ่มน่าจะเอามาเสริมหน้าอกได้ ช่วงนั้นเขาเลิกเอาเลือดใส่ขวดแก้วแต่มาเปลี่ยนเป็นใส่ถุงพลาสติกพอดี (คนนั้นคือ  professor Thomas Bigg. ในปัจจุบัน) และไม่น่าเชื่อว่าจะกลายมาเป็นอุตสาหกรรมหลายหมื่นล้านดอลล่าร์ในปัจจุบัน และมีการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีการผลิตเปลือกถุง (Shell ) และ สิ่งที่ใส่ภายใน (Filling material) มาโดยตลอด จนมาถึงปัจจุบันที่มีความปลอดภัยและคงทนสูงมาก



วิธีของการเสริมหน้าอก สามารถแบ่งได้ ดังนี้

1. การเสริมหน้าอกด้วยถุงเต้านมเทียม (Breast implant only) เป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และวัสดุที่ยังถือว่ามาตรฐานที่สุดคือ ถุงซิลิโคนเสิรมเต้านม เนื่องจากว่าสามารถทำขนาดที่ต้องการได้ดี  เช่น อัพจากคัพ A เป็นคัพ C หรือ D ได้ตามต้องการ สัมผัสมีความนุ่มคล้ายหน้าอกธรรมชาติดี และค่าใช้จ่ายจัดว่าประหยัดที่สุดเมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ และสามารถปรับเพิ่ม ลดขนาดได้พอสมควรตามต้องการในอนาคตได้สะดวก

ข้อเสียที่มีคือ การใส่ซิลิโคนนั้น บางคนอาจจะเกิดการตอบสนองเป็นผังผืด ซึ่งความจริงก็คือแผลเป็นที่เกิดขึ้นรอบๆ ซิลิโคนจากการผ่าตัดนั่นเอง ขึ้นกับว่าใครตอบสนองมากหรือน้อย (แต่จริงๆ ยังมีวิธีลดความเสี่ยงและป้องกันได้พอสมควร) โชคดีที่ปัจจุบันโอกาสเกิดค่อนข้างต่ำ หากผ่าตัดด้วยเทคนิคที่ดี ศัลยแพทย์มีความชำนาญ และบาดเจ็บน้อย วัสดุที่ดีก็ช่วยลดปัญหานี้เช่นกัน

2. การเสริมหน้าอกด้วยถุงเต้านมเทียม ร่วมกับการฉีดไขมันตนเอง (Hybrid breast augmentation) วิธีการคือ เสริมหน้าอกด้วยซฺลิโคนและฉีดไขมันเข้าไปรอบๆ ในตำแหน่งที่ต้องการ เพื่อเพิ่มระยะชิดของหน้าอก ลดโอกาสเกิดการคลำขอบได้ในคนเนื้อบาง ลดการพึ่งพาขนาดซิลิโคนเพียงอย่างเดียว และยังได้ประโยชน์จากความนุ่มของเซลไขมันมาหุ้มรอบๆ (เพิ่ม coverage thickness) เป็นวิธีการที่ทำกันมากพอสมควรโดยเฉพาะทางยุโรป อย่างไรก็ตามยังมีข้อจำกัด คือ ค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าปกติสองสามเท่า อัตราการอยู่รอดของเซลไขมัน และไม่เหมาะในการใส่ซิลิโคนขนาดใหญ่พร้อมๆ กัน เพราะจะเพิ่มแรงดันสูงอาจส่งผลกระทบต่อการรอดของเซลไขมันได้

3. การฉีดไขมันตนเอง เพียงอย่างเดียว (Cell-assisted lipoplasty หรือ  CAL) คือ การดูดไขมันส่วนเกินตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย แล้วนำมาทำให้เกิดความเข้มข้นสูง ร่วมกับแบ่งส่วนหนึ่งมาเข้ากระบวนการเพื่อคัดแยกสเต็มเซล เพื่อฉีดกลับเข้าไปที่หน้าอก ข้อดีคือ ความนุ่มของหน้าอกจะเหมือนจริงมากที่สุด และไม่มีปัญหาจากผังผืด ข้อเสียคือ ค่าใช้จ่ายสูงสองสามเท่าต่อครั้ง และแต่ละครั้งเพิ่มได้ไม่มาก   มักไม่เกิน 1 คัพไซส์เนื่องจากฉีดมากเกินไปจะสลายไปหมดจากการขาดเลือดไปเลี้ยงและแรงดันที่สูงเกินไปเมื่อฉีดมากเกิน ส่วนการอ่านผล Mammogram ปัจจุบันแพทย์รังสีสามารถอ่านผลได้และแยกกับมะเร็งเต้านมได้ แต่ต้องเป็นสถาบันที่ชำนาญในการอ่านผล

Share
Tweet
Pin
Share